แชร์

โซลาร์เซลล์มีกี่ระบบและมีระบบอะไรบ้าง

อัพเดทล่าสุด: 18 ก.ย. 2024
300 ผู้เข้าชม

ระบบออนกริด (On-Grid System) เป็นระบบที่เชื่อมต่อโดยตรงกับโครงข่ายไฟฟ้าหลัก(การไฟฟ้า) เป็นระบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ระบบนี้ถูกออกแบบให้โซลาร์เซลล์ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในช่วงที่มีแดดและส่งไฟฟ้าส่วนเกินเข้าไปยังโครงข่ายไฟฟ้าหลัก ขณะเดียวกัน เมื่อพลังงานจากโซลาร์เซลล์ไม่เพียงพอหรือในช่วงที่ไม่มีแสงแดด เช่น ในช่วงกลางคืนหรือวันที่มีเมฆมาก บ้านหรืออาคารที่ใช้ระบบนี้สามารถใช้ไฟฟ้าจากโครงข่ายไฟฟ้าหลักได้

การทำงานของระบบออนกริด
ระบบออนกริดจะประกอบไปด้วยส่วนหลัก ๆ ดังนี้
- แผงโซลาร์เซลล์ (Solar Panels): ทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จากพลังงานแสงอาทิตย์
- อินเวอร์เตอร์ (Inverter): ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จากแผงโซลาร์เซลล์เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เพื่อใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไปในบ้านเรา
- มิเตอร์ไฟฟ้า (Utility Meter): ระบบออนกริดจะใช้มิเตอร์พิเศษที่สามารถวัดการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์และไฟฟ้าที่ส่งคืนไปยังโครงข่าย (Grid-Tie Meter) โดยจะทำการบันทึกทั้งไฟฟ้าที่เราใช้จากโครงข่ายและไฟฟ้าที่เราส่งคืนไป
- โครงข่ายไฟฟ้าหลัก (Utility Grid) หรือการไฟฟ้า: เป็นแหล่งจ่ายพลังงานสำรองสำหรับกรณีที่พลังงานจากโซลาร์เซลล์ไม่เพียงพอ


ข้อดีของระบบออนกริด
- การลดค่าไฟฟ้า: ระบบออนกริดช่วยลดค่าไฟฟ้าได้โดยตรง เนื่องจากบ้านหรืออาคารจะใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากโซลาร์เซลล์ก่อน และเมื่อมีพลังงานเหลือ ระบบจะส่งพลังงานกลับไปยังโครงข่ายไฟฟ้าหลัก ทำให้ผู้ใช้สามารถได้เครดิตพลังงานหรือส่วนลดค่าไฟในบางประเทศ
- ต้นทุนการติดตั้งต่ำกว่า: เนื่องจากไม่ต้องการแบตเตอรี่สำรอง ระบบนี้มีต้นทุนการติดตั้งต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับระบบออฟกริดหรือไฮบริด
- การใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง: ระบบออนกริดช่วยให้ผู้ใช้ยังคงมีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่องในกรณีที่โซลาร์เซลล์ไม่สามารถผลิตพลังงานได้เพียงพอ เช่น ในช่วงเวลากลางคืน
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: การผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม


ข้อจำกัดของระบบออนกริด
- ไม่สามารถทำงานได้เมื่อการไฟฟ้าขัดข้อง/ดับ: ในกรณีที่เกิดไฟดับ ระบบออนกริดจะหยุดทำงานทันที แม้ว่าแผงโซลาร์เซลล์ยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้ ระบบนี้ถูกออกแบบให้ปิดการทำงานเมื่อไม่มีไฟจากการไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยของช่างไฟฟ้าที่ทำงานซ่อมบำรุง
- ขึ้นอยู่กับโครงข่ายไฟฟ้าหลักหรือการไฟฟ้า: ระบบออนกริดไม่สามารถทำงานอย่างอิสระจากโครงข่ายไฟฟ้าได้ ซึ่งต่างจากระบบออฟกริดที่สามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องพึ่งพาโครงข่ายหลัก


การใช้งานระบบออนกริด
      ระบบออนกริดเหมาะสมกับสถานที่ที่มีโครงข่ายไฟฟ้าหลักรองรับเป็นอย่างดี เช่น บ้านเรือนทั่วไป อาคารพาณิชย์ และโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดค่าไฟฟ้าในระยะยาวโดยไม่ต้องการติดตั้งแบตเตอรี่สำรองที่มีต้นทุนสูง

สรุป
     ระบบออนกริดเป็นระบบโซลาร์เซลล์ที่เหมาะสำหรับการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน โดยการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าหลัก ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานที่ที่มีโครงข่ายไฟฟ้าอย่างเสถียร

ระบบออฟกริด (Off-Grid System) เป็นระบบการผลิตและใช้งานพลังงานจากโซลาร์เซลล์ที่ไม่เชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าหลัก (Grid) ซึ่งหมายความว่าระบบนี้สามารถทำงานอย่างอิสระได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากภายนอก ระบบออฟกริดเหมาะสำหรับสถานที่ที่อยู่ห่างไกลจากโครงข่ายไฟฟ้าหรือพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เช่น บ้านพักตากอากาศในพื้นที่ห่างไกล หมู่บ้านที่อยู่ในเขตชนบท หรือสถานที่ที่ไฟฟ้าจากโครงข่ายหลักเข้าไม่ถึง

การทำงานของระบบออฟกริด
     ระบบออฟกริดมีการทำงานแบบครบวงจรในการผลิตไฟฟ้า เก็บสำรองพลังงาน และจ่ายไฟฟ้า โดยประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลัก ๆ ดังนี้
- แผงโซลาร์เซลล์ (Solar Panels): ทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบของกระแสตรง (DC)
- อินเวอร์เตอร์ (Inverter): แปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่ผลิตจากแผงโซลาร์เซลล์ให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป
- แบตเตอรี่ (Battery Bank): เป็นส่วนสำคัญของระบบออฟกริด เพราะทำหน้าที่เก็บสำรองพลังงานที่ผลิตได้ในระหว่างวันที่มีแสงแดด สำหรับการใช้งานในช่วงที่ไม่มีแสงอาทิตย์ เช่น ในเวลากลางคืน หรือในวันที่มีสภาพอากาศไม่ดี
- ตัวควบคุมการชาร์จ (Charge Controller): อุปกรณ์นี้ทำหน้าที่ควบคุมการชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่ถูกชาร์จไฟมากเกินไปจนเกิดความเสียหาย
- อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน: อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้านหรืออาคารที่ต่อใช้งานกับระบบโซลาร์เซลล์ โดยจะใช้พลังงานไฟฟ้าที่เก็บสำรองในแบตเตอรี่
ขั้นตอนการทำงานของระบบออฟกริด
- ผลิตไฟฟ้า: เมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบแผงโซลาร์เซลล์ แผงจะเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง (DC) แล้วส่งไปที่อินเวอร์เตอร์
- แปลงไฟฟ้า: อินเวอร์เตอร์จะแปลงกระแสไฟฟ้า DC เป็นกระแสสลับ (AC) เพื่อใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน
- เก็บสำรองพลังงาน: เมื่อแสงแดดมีมากเกินความต้องการของบ้าน พลังงานส่วนเกินจะถูกส่งไปเก็บในแบตเตอรี่ เพื่อให้ใช้ในช่วงเวลาที่ไม่มีแสงอาทิตย์
- ใช้งานพลังงานสำรอง: ในช่วงกลางคืนหรือในวันที่แสงแดดไม่เพียงพอ พลังงานที่ถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่จะถูกนำมาใช้งาน


ข้อดีของระบบออฟกริด
- อิสระจากโครงข่ายไฟฟ้า: ระบบออฟกริดไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากภายนอก จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง หรือผู้ที่ต้องการพึ่งพาพลังงานที่ตนเองผลิตได้อย่างสมบูรณ์
- ประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว: แม้ว่าการติดตั้งระบบออฟกริดอาจมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง แต่ในระยะยาวจะช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ เนื่องจากผู้ใช้ไม่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าจากโครงข่ายหลัก
- พลังงานสะอาด: โซลาร์เซลล์ช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- มีพลังงานสำรอง: ระบบนี้มีแบตเตอรี่สำหรับเก็บสำรองพลังงาน ทำให้สามารถใช้งานไฟฟ้าได้ในช่วงที่ไม่มีแสงแดด


ข้อเสียของระบบออฟกริด
- ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูง: เนื่องจากระบบออฟกริดต้องการแบตเตอรี่สำหรับเก็บพลังงาน และแบตเตอรี่มีต้นทุนสูงเมื่อเปรียบเทียบกับระบบออนกริด
- ความจำกัดในการเก็บพลังงาน: หากแบตเตอรี่ไม่สามารถเก็บพลังงานได้มากพอสำหรับการใช้งานในช่วงเวลาที่ไม่มีแสงแดด ผู้ใช้จะต้องประหยัดการใช้พลังงานหรือเพิ่มจำนวนแบตเตอรี่ ซึ่งอาจเพิ่มค่าใช้จ่าย
- การบำรุงรักษา: แบตเตอรี่ต้องการการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ และมีอายุการใช้งานจำกัด จึงต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อหมดอายุ
- การจัดการพลังงาน: ผู้ใช้ระบบออฟกริดต้องมีการบริหารจัดการการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ เพราะหากพลังงานที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่หมด อาจทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนพลังงานในช่วงที่ไม่มีแสงแดด


การใช้งานระบบออฟกริด
     ระบบออฟกริดเหมาะสมกับพื้นที่ที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าหลัก เช่น ในชนบทหรือพื้นที่ห่างไกล การติดตั้งในสถานที่เหล่านี้ช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากภายนอก นอกจากนี้ ระบบออฟกริดยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอิสระจากการจ่ายค่าไฟฟ้าในระยะยาวหรือผู้ที่ต้องการใช้พลังงานสะอาดอย่างสมบูรณ์

สรุป
     ระบบออฟกริดเป็นระบบโซลาร์เซลล์ที่สามารถทำงานได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าหลัก เหมาะสำหรับพื้นที่ห่างไกลหรือสถานที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ระบบนี้มีข้อดีในการเป็นอิสระและช่วยลดค่าไฟฟ้าในระยะยาว แต่ก็มีข้อเสียในเรื่องค่าใช้จ่ายเริ่มต้นและการบำรุงรักษาแบตเตอรี่

ระบบไฮบริด (Hybrid System) เป็นระบบโซลาร์เซลล์ที่ผสมผสานคุณสมบัติของทั้ง ระบบออนกริด (On-Grid) และ ระบบออฟกริด (Off-Grid) เข้าด้วยกัน โดยมีจุดเด่นที่สามารถเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าหลัก (Grid) และมีแบตเตอรี่สำรองสำหรับเก็บพลังงาน ระบบไฮบริดจึงให้ความยืดหยุ่นมากที่สุดในการจัดการพลังงานที่ผลิตจากโซลาร์เซลล์ ทั้งในเรื่องของการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้ในช่วงที่มีแสงแดด การเก็บสำรองพลังงานไว้ใช้ในช่วงที่ไม่มีแสงแดด และการเชื่อมต่อกับไฟฟ้าจากโครงข่ายเมื่อจำเป็น

การทำงานของระบบไฮบริด
     ระบบไฮบริดทำงานโดยการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ และจัดเก็บพลังงานส่วนเกินที่ไม่ได้ใช้งานในแบตเตอรี่สำรอง พลังงานนี้สามารถนำมาใช้ได้ในช่วงที่แสงแดดไม่เพียงพอ เช่น ในช่วงกลางคืนหรือช่วงที่มีเมฆมาก หากพลังงานที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่หมด ระบบจะดึงพลังงานไฟฟ้าจากโครงข่ายไฟฟ้าหลักมาใช้ ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้จะมีไฟฟ้าใช้ตลอดเวลา
ระบบนี้มีองค์ประกอบหลักที่คล้ายกับทั้งระบบออนกริดและออฟกริด ซึ่งประกอบไปด้วย
- แผงโซลาร์เซลล์ (Solar Panels): แผงผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ในรูปแบบไฟฟ้ากระแสตรง (DC)
- อินเวอร์เตอร์ (Inverter): อินเวอร์เตอร์จะแปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC) เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ที่สามารถนำไปใช้งานในอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านหรืออาคาร
- แบตเตอรี่ (Battery Bank): สำหรับเก็บสำรองพลังงานไฟฟ้าส่วนเกินที่ไม่ได้ใช้งานในช่วงที่มีแสงแดดเพียงพอ เพื่อใช้ในช่วงที่แสงแดดไม่เพียงพอ
- ตัวควบคุมการชาร์จ (Charge Controller): ป้องกันการชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่มากเกินไป ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหาย
- มิเตอร์ไฟฟ้า (Utility Meter): บันทึกปริมาณไฟฟ้าที่รับจากโครงข่ายไฟฟ้าหลัก และปริมาณไฟฟ้าที่ส่งกลับไปยังโครงข่ายเมื่อมีการผลิตพลังงานเกินความต้องการ


รูปแบบการทำงานของระบบไฮบริด
ระบบไฮบริดสามารถทำงานได้ในหลากหลายสถานการณ์:
- การใช้พลังงานในช่วงกลางวัน: ในช่วงเวลาที่มีแสงแดด แผงโซลาร์เซลล์จะผลิตพลังงานและจ่ายพลังงานให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านโดยตรง
- การเก็บพลังงานสำรอง: เมื่อแผงโซลาร์เซลล์ผลิตพลังงานเกินกว่าความต้องการในช่วงกลางวัน พลังงานส่วนเกินจะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่ เพื่อใช้ในช่วงที่ไม่มีแสงแดดหรือในช่วงกลางคืน
- การใช้พลังงานจากแบตเตอรี่: เมื่อแสงแดดไม่เพียงพอ เช่น ในช่วงกลางคืน หรือในกรณีที่เกิดไฟดับ พลังงานที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่จะถูกนำมาใช้
- การดึงไฟฟ้าจากโครงข่ายไฟฟ้า: หากพลังงานในแบตเตอรี่หมด ระบบจะดึงพลังงานจากโครงข่ายไฟฟ้าหลักมาใช้งาน ทำให้ผู้ใช้มีไฟฟ้าใช้ได้ตลอดเวลา
- การขายพลังงานกลับสู่โครงข่าย: เมื่อมีพลังงานเหลือเฟือและแบตเตอรี่เต็ม ระบบสามารถส่งพลังงานส่วนเกินกลับไปยังโครงข่ายไฟฟ้าหลัก ซึ่งในบางประเทศผู้ใช้สามารถขายพลังงานนี้คืนและได้รับเครดิตหรือส่วนลดค่าไฟฟ้า


ข้อดีของระบบไฮบริด
- ความยืดหยุ่นในการใช้งาน: ระบบไฮบริดให้ความยืดหยุ่นสูงในการจัดการพลังงาน สามารถเก็บพลังงานสำรองในแบตเตอรี่และดึงพลังงานจากโครงข่ายเมื่อจำเป็น ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีไฟฟ้าใช้ตลอดเวลา
- ลดค่าไฟฟ้า: เช่นเดียวกับระบบออนกริด ระบบไฮบริดช่วยลดค่าไฟฟ้าโดยการผลิตพลังงานจากโซลาร์เซลล์และขายพลังงานส่วนเกินคืนให้กับโครงข่ายไฟฟ้า
- ความมั่นคงในการจ่ายไฟฟ้า: ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องไฟดับ เพราะมีแบตเตอรี่สำรองสำหรับใช้พลังงานเมื่อโครงข่ายไฟฟ้าหลักล้มเหลว
- ประหยัดพลังงานในระยะยาว: ระบบไฮบริดช่วยให้สามารถใช้งานพลังงานที่ผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในช่วงเวลาที่มีแสงแดดและช่วงที่ไม่มีแสง
- ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: การใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์แทนพลังงานจากฟอสซิลช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งดีต่อสิ่งแวดล้อม


ข้อเสียของระบบไฮบริด
- ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูง: เนื่องจากระบบไฮบริดต้องมีทั้งอินเวอร์เตอร์ที่ซับซ้อนและแบตเตอรี่สำรอง ทำให้มีต้นทุนการติดตั้งสูงกว่าระบบออนกริด
- การบำรุงรักษาแบตเตอรี่: แบตเตอรี่ในระบบไฮบริดต้องการการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ และมีอายุการใช้งานจำกัด ซึ่งอาจทำให้ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
- การจัดการพลังงาน: การใช้งานระบบไฮบริดต้องมีการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าพลังงานที่ผลิตและเก็บไว้เพียงพอต่อความต้องการ


การใช้งานระบบไฮบริด
     ระบบไฮบริดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอิสระจากการใช้ไฟฟ้าในโครงข่ายไฟฟ้าหลักบางส่วน และต้องการระบบพลังงานที่มั่นคง มีไฟฟ้าใช้ตลอดเวลาแม้ในช่วงที่ไฟดับ ระบบนี้ได้รับความนิยมในภาคครัวเรือนที่ต้องการลดค่าไฟฟ้าและมีการใช้พลังงานมากในช่วงเวลากลางคืน เช่น บ้านพักอาศัยที่มีการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กและสถานที่ที่มีการใช้พลังงานมากแต่ต้องการความมั่นคงในระบบพลังงาน เช่น โรงงาน โรงพยาบาล หรือโรงเรียน

สรุป
     ระบบไฮบริดเป็นระบบโซลาร์เซลล์ที่ผสมผสานข้อดีของทั้งระบบออนกริดและออฟกริดเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถผลิตและใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีแบตเตอรี่สำรองเพื่อใช้ในช่วงที่ไม่มีแสงแดดและสามารถเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าหลักได้เมื่อจำเป็น แม้ว่าจะมีต้นทุนการติดตั้งสูง แต่ระบบนี้ให้ความมั่นคงและความยืดหยุ่นสูงในการใช้พลังงาน


บทความที่เกี่ยวข้อง
Micro Inverter และ String Inverter ทั้งสองชนิดคืออะไรและแตกต่างกันอย่างไร
Micro Inverter และ String Inverter เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แปลงกระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากแผงโซลาร์เซลล์จากกระแสตรง (DC) เป็นกระแสสลับ (AC) ซึ่งเป็นกระแสไฟที่ใช้งานในบ้านเรือนและระบบไฟฟ้าทั่วไป อย่างไรก็ตาม ทั้งสองชนิดมีลักษณะการทำงานและการใช้งานที่แตกต่างกัน
23 ก.ย. 2024
ประเภทของแผงโซลาร์เซลล์ มีอะไรบ้าง?
"แผงโซลาร์เซลล์มีหลายประเภทที่ถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและประสิทธิภาพที่หลากหลาย การเลือกแผงโซลาร์เซลล์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพลังงานและลดค่าใช้จ่าย ดังนั้น การทำความเข้าใจประเภทของแผงโซลาร์เซลล์จะช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น"
23 ก.ย. 2024
โซลาร์ฟาร์ม คืออะไร
โซลาร์ฟาร์มเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล เป็นทางเลือกพลังงานสะอาดที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความยั่งยืนทางพลังงานในอนาคต
20 ก.ย. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy